Mobile Application คืออะไร? มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจยังไง

เป็นที่เข้าใจกันดีสำหรับคนยุคนี้ว่าการใช้สมาร์ทโฟนได้กลายมามีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คน แต่สิ่งที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดคือ Mobile Application ที่เป็นระบบซอฟต์แวร์เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร, ซื้อสินค้า ,จองโรงแรม, ดูหนัง เป็นต้น ดังนั้นหลายธุรกิจในปัจจุบันจึงได้ย้ายเข้ามาแข่งขันในการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการมากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน

ในบทความนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้ถึงคุณประโยชน์ของ Mobile Application ว่ามีประโยชน์ต่อธุรกิจยังไงบ้าง และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันอย่างไร ทำไมทุกองค์กรควรมี หาคำตอบได้ในบทความนี้ 


Mobile Application คืออะไร ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องใช้?

Mobile Application คือ โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ถูกพัฒนาเพื่อรองรับการใช้งานสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้ง่าย เพียงติดตั้งและสามารถใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อไหร่

ยิ่งในยุคที่ทุกคนล้วนแต่ใช้สมาร์ทโฟนทั้งในการซื้อสินค้า ทำงาน ทำธุรกรรม และผ่อนคลายความเครียด โดยมีการใช้แอปพลิเคชันมาเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนั้นธุรกิจในปัจจุบันจึงได้หันมาใช้  Mobile Application มากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการกระตุ้นยอดขาย เพิ่มโอกาสเติบโตทางธุรกิจ 


ธุรกิจแบบไหนบ้างที่ควรใช้ Mobile Application

แน่นอนว่าการมี Mobile Application จะช่วยเพิ่มการเติบโตทางธุรกิจได้ แต่จะมีธุรกิจประเภทไหนที่จำเป็นจะต้องมี Mobile Application ซึ่งเราได้แบ่งหมวดเป็นหมวดธุรกิจต่าง ๆ ดังนี้

1.ธุรกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ

ธุรกิจที่ทำการขายสินค้าหรือให้บริการลูกค้าเป็นธุรกิจที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการมี Mobile Application เพราะในปัจจุบันผู้คนนิยมเลือกความสะดวกสบายมากกว่าการเดินไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่สาขาที่เสียทั้งเวลาและค่าเดินทาง ยกตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชันของธนาคาร ที่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถฝาก โอน เงินในบัญชีโดยไม่ต้องไปทำธุรกรรมที่สาขาเหมือนเมื่อก่อน เป็นต้น

นอกจากนี้การมี Mobile Application จะช่วยในการสร้างแคมเปญทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายได้ เช่น โปรโมชันส่วนลดสิsนค้าในช่วงวัน Double Days หรือการสะสมแต้มจากการซื้อสินค้า เป็นต้น ก็จะยิ่งช่วยให้องค์กรได้ฐานลูกค้ามากยิ่งขึ้น

2.ธุรกิจให้บริการพื้นที่เพื่อโฆษณา

เป็นประเภทของธุรกิจที่อยู่ในหมวดสื่อมวลชนหรือบริการด้านข่าวสาร ความบันเทิงต่าง ๆ ในยุคก่อนจะเป็นเว็บไซต์ หรือช่องทีวี ที่ให้บริการเช่าพื้นที่โฆษณา ซึ่งบริการของธุรกิจประเภทนี้ในปัจจุบันได้แก่ แอปพลิเคชันสำนักข่าว สตรีมมิงหนังหรือเพลงต่าง ๆ ที่เป็นสื่อสาธารณะที่สร้างรายได้จากค่าเข้าชม ค่าสมาชิก หรือบางแอปพลิเคชันที่ใช้บริการฟรี แต่จะมีพื้นที่สำหรับรับชมโฆษณาก่อนชมคลิปวีดีโอ

ในปัจจุบันแอปพลิเคชันให้ความบันเทิงถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริการที่ได้รับความนิยม เนื่องจากผู้คนต่างเข้ามาสมัครเพื่อใช้บริการกันจำนวนมาก บางแอปพลิเคชันมีคนใช้บริการทั่วโลก เช่น Netflix, Youtube เป็นต้น ทำให้ธุรกิจรายย่อยที่ต้องการโปรโมทสินค้ามักใช้บริการแอปพลิเคชันเป็นหลัก เพื่อต้องการขอใช้พื้นที่เพื่อสร้างการมองเห็น ในขณะที่สื่อเก่าอย่างโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์กลับค่อย ๆ ได้รับความสนใจน้อยลงตามพฤติกรรมผู้บริโภค

3.ธุรกิจประเภทจองการบริการ

นอกจากธุรกิจประเภทสินค้าและบริการแล้ว อีกหนึ่งธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันคือธุรกิจที่ให้บริการประเภทการจองต่าง ๆ เช่น โรงแรม สายการบิน การเดินทาง หรือร้านอาหาร เพราะบริการเหล่านี้ลูกค้าจะต้องทำการจองล่วงหน้าถึงจะสามารถใช้บริการได้ 

โดยการมีแอปพลิเคชันจะเพิ่มความสะดวกต่อผู้ใช้บริการที่จะสามารถจองบริการได้ทันที นอกจากนี้แอปพลิเคชันยังสามารถเช็กสถานะการจองได้ ช่วยให้การดำเนินการต่าง ๆ เกิดประสิทธิภาพ ต่างจากการจองแบบเดิมที่ใช้การโทรศัพท์เพื่อจอง จนอาจเกิดความผิดพลาด รวมถึงช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อ่านบทความเพิ่มเติมถึงบทบาท และความสำคัญของ Mobile App Development
ได้ที่บทความ: สร้างความเติบโตให้ธุรกิจในยุคดิจิทัล ด้วย Mobile App Development


Mobile Application ช่วยผลักดันธุรกิจได้อย่างไร?

ประโยชน์และข้อดีของ Mobile Application ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตให้ธุรกิจ สามารถแบ่งออกเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

1.ช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้ธุรกิจ

การทำ Mobile Application จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันทางธุรกิจ ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบ เพราะมีโอกาสที่จะเข้าถึงผู้คนได้ง่าย และรวดเร็วกว่าธุรกิจคู่แข่ง ด้วยความที่แอปพลิเคชันนั้นลูกค้าสามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถทำได้ทุกที่ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ในเมืองหรือต่างจังหวัด สร้างโอกาสที่คนจะรู้จักธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันมากยิ่งขึ้น

2.สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น

การมีแอปพลิเคชันได้เปลี่ยนวิธีการสร้างสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและลูกค้าให้เกิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่น่าประทับใจกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างระบบสมาชิกในการเข้าใช้งานแต่ละครั้ง ซึ่งจะมีการสะสมคะแนนเพื่อแลกสิทธิประโยชน์ รวมถึงการจัดโปรโมชันส่วนลดต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าอยากซื้อซ้ำ นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถสื่อสารกับธุรกิจได้ผ่านระบบ Auto Chat ทำให้ง่ายต่อการแนะนำ ติชม หรือร้องเรียนปัญหาต่าง ๆ

3.ลดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด

ถ้าองค์กรมีแอปพลิเคชันที่ดี ก็ยิ่งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการตลาดของธุรกิจได้มากขึ้น เพราะหากแอปพลิเคชันมีความเสถียรคนก็อยากบอกต่อ มีการดาวน์โหลดมาใช้งานมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจสามารถลงทุนครั้งเดียวแต่สามารถสร้างรายได้มหาศาล โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดหลายครั้ง รวมทั้งยังได้สำรวจพฤติกรรม ความพึงพอใจจากผู้ใช้แอปพลิเคชันเพื่อนำไปปรับใช้เป็นกุลยุทธ์ทางการตลาดในอนาคตได้อีกด้วย

4.เพิ่มความสะดวกในการทำงาน

นอกจากประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับจากแอปพลิเคชันแล้ว การมี Mobile Application ยังส่งผลดีต่อการทำงานของคนในองค์กร ให้เกิดความสะดวก รวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แผนกบริการลูกค้าที่ไม่ต้องโทรศัพท์เพื่อแนะนำบริการ แต่ลูกค้าสามารถดำเนินการขอใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที รวมทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถจัดการกับข้อมูลของลูกค้าที่มีจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สรุป

จะเห็นได้ว่า Mobile Application เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล เพราะนอกจากจะเพิ่มโอกาสให้คนสามารถเข้าถึงธุรกิจหรือบริการได้มากขึ้นแล้ว แอปพลิเคชันยังช่วยต่อการสร้างภาพลักษณ์ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า สามารถต่อยอดในการวางกลยุทธ์ให้กับการตลาดในอนาคต 

การจะมี Mobile Application ที่ดีสามารถเริ่มต้นได้ไม่ยาก เพียงเลือก Mobile App Development ที่น่าไว้วางใจ ขอแนะนำเว็บไซต์​​​ AYODIA ที่มีบริการออกแบบ และพัฒนาแอปพลิเคชันไม่ว่าจะเป็น IOS หรือ Andrioid โดยทีมงานมืออาชีพ ที่ช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันให้มีความปลอดภัย มีความเสถียร พร้อมรองรับการขยายตัวของธุรกิจในยุคดิจิทัล